“อาหารเป็นพิษ” ภัยร้ายจากหน้าร้อน

อากาศที่ร้อนจัดในช่วงนี้ ส่งผลให้อาหารต่างๆ บูดเร็ว อาจมีสารพิษและแบคทีเรียปนเปื้อนอยู่หากใครทานเข้าไป อาจจะก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ ที่จะก่อให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งถ้าหากอาการรุนแรงขึ้น มีเชื้อโรคปนเปื้อนเข้าไปในกระแสเลือด ก็อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ครับ    

โรค อาหารเป็นพิษ ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ ดังนั้นเรามาทำความรู้จักและเตรียมพร้อมรับมือกับโรคนี้กันดีกว่าครับ 

สาเหตุของโรค

อาหารเป็นพิษ เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ดังนี้

• ชิเกลล่า (Shigella) และไวรัสก่อโรคผ่านทางเดินอาหาร (Enteric Viruses) เป็นเชื้อที่มักปนเปื้อนอยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารสดและน้ำดื่มที่ไม่สะอาด
• ซาลโมเนลลา (Salmonella) พบในเนื้อสัตว์ดิบ ไข่ดิบ นม และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม
• คลอสติเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) เป็นเชื้อที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาวะแวดล้อมที่มีออกซิเจนน้อย มักพบในบรรจุภัณฑ์อาหารแบบปิดสนิท เช่น อาหารกระป๋อง

อาการของโรค

ผู้ที่ได้รับเชื้อโรคส่วนใหญ่จะแสดงอาการภายใน 1 – 2 วัน หรืออาจจะแสดงอาการภายไม่กี่ชั่วโมงหลังทานอาหาร ขึ้นอยู่กับประเภทและปริมาณของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายครับ โดยอาการของโรคอาหารเป็นพิษ มีดังนี้ ท้องเสีย ถ่ายเป็นมูกเลือด ปวดท้องแบบบิดเกร็งเป็นพัก ๆ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย และมีไข้สูง ถ้าหากอาการรุนแรงมากขึ้น ถ่ายบ่อย อาเจียนบ่อย หรือมีไข้สูงมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดภาวะช็อกและเป็นอันตรายได้ ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดครับ

การป้องกันโรค

• ล้างมือให้สะอาด ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหารให้เป็นนิสัย
• ทำความสะอาดครัว รวมไปถึงจัดเก็บอาหารอย่างถูกสุขอนามัย เช่น การแยกเก็บของสดจากอาหารชนิดอื่นเพื่อป้องกันเชื้อโรคจากของสด การล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทานหรือก่อนนำไปปรุงอาหาร และการเก็บรักษาอาหารในสถานที่และอุณหภูมิที่เหมาะสม
• เลือกบริโภคอาหารที่ปรุงสุก สดใหม่ ถ้าหากรับประทานอาหารนอกบ้าน ควรเลือกร้านที่สะอาดครับ

ติดตามเกร็ดความรู้และเรื่องราวอีกมากมายได้ใน festforfood.com นะครับ